การตรวจภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย: การเจาะเลือดและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

โดย : Admin Besinsthailand วันที่เผยแพร่ : 27 พฤศจิกายน 2567
โดย : Admin Besinsthailand วันที่เผยแพร่ : 27 พฤศจิกายน 2567
แชร์ข้อมูล
การตรวจภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

การตรวจภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย: การเจาะเลือดและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

ปัญหาสุขภาพเพศชาย มักเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งสามารถวินิจฉัยได้โดยการเจาะเลือดและวัดค่าฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเตอโรน (Testosterone) การเจาะเลือดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการยืนยันภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

วิธีการเจาะเลือดและการวัดค่าฮอร์โมน

การเจาะเลือดเพื่อวัดค่าฮอร์โมนเพศชายควรทำในช่วงเวลา 7.00-11.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมนเพศชายสูงสุด ค่าที่แพทย์ต้องตรวจได้แก่:

Total Testosterone

Free Testosterone

Bioavailable Testosterone

Prolactin

มาตรฐานค่าฮอร์โมนเพศชาย

ค่าฮอร์โมนเพศชายสามารถแปลผลได้ตามมาตรฐานดังนี้:

< 12 nmol/L (นาโนโมล/ลิตร)

< 3.5 ng/mL (นาโนกรัม/มิลลิลิตร)

< 350 ng/dL (นาโนกรัม/เดซิลิตร)

หากค่าเหล่านี้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อาจบ่งบอกถึงภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมและการรักษาอย่างเหมาะสม

อาการของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

อาการที่พบบ่อยในผู้ชายที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ได้แก่:

  • ความเหนื่อยล้า
  • การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ
  • ความต้องการทางเพศลดลง
  • อารมณ์แปรปรวน

ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง

สรุป

การวินิจฉัยภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายควรประกอบด้วยการสังเกตอาการทางร่างกายและการเจาะเลือดเพื่อหาค่าฮอร์โมนเพศชาย หากคุณเป็นผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปและพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

คำแนะนำ:

  • สำรวจตัวเองด้วยการทำแบบคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนออนไลน์ (ADAM Questionnaire)
  • ปรึกษาแพทย์ทางเดินปัสสาวะเพื่อเจาะเลือดหาภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในช่วงเวลา 7.00-11.00 น.
  • หากพบภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย สามารถรักษาได้ด้วยการรับฮอร์โมนทดแทน

บทความที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจ