การตรวจภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย: การเจาะเลือดและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ปัญหาสุขภาพเพศชาย มักเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งสามารถวินิจฉัยได้โดยการเจาะเลือดและวัดค่าฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเตอโรน (Testosterone) การเจาะเลือดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการยืนยันภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย
วิธีการเจาะเลือดและการวัดค่าฮอร์โมน
การเจาะเลือดเพื่อวัดค่าฮอร์โมนเพศชายควรทำในช่วงเวลา 7.00-11.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมนเพศชายสูงสุด ค่าที่แพทย์ต้องตรวจได้แก่:
Total Testosterone
Free Testosterone
Bioavailable Testosterone
Prolactin
มาตรฐานค่าฮอร์โมนเพศชาย
ค่าฮอร์โมนเพศชายสามารถแปลผลได้ตามมาตรฐานดังนี้:
< 12 nmol/L (นาโนโมล/ลิตร)
< 3.5 ng/mL (นาโนกรัม/มิลลิลิตร)
< 350 ng/dL (นาโนกรัม/เดซิลิตร)
หากค่าเหล่านี้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อาจบ่งบอกถึงภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมและการรักษาอย่างเหมาะสม
อาการของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย
อาการที่พบบ่อยในผู้ชายที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ได้แก่:
- ความเหนื่อยล้า
- การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ
- ความต้องการทางเพศลดลง
- อารมณ์แปรปรวน
ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง
สรุป
การวินิจฉัยภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายควรประกอบด้วยการสังเกตอาการทางร่างกายและการเจาะเลือดเพื่อหาค่าฮอร์โมนเพศชาย หากคุณเป็นผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปและพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
คำแนะนำ:
- สำรวจตัวเองด้วยการทำแบบคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนออนไลน์ (ADAM Questionnaire)
- ปรึกษาแพทย์ทางเดินปัสสาวะเพื่อเจาะเลือดหาภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในช่วงเวลา 7.00-11.00 น.
- หากพบภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย สามารถรักษาได้ด้วยการรับฮอร์โมนทดแทน