ไวอากร้า: คำตอบเดียวของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศจริงหรือ?

โดย : Admin Besinsthailand วันที่เผยแพร่ : 18 พฤศจิกายน 2567
โดย : Admin Besinsthailand วันที่เผยแพร่ : 18 พฤศจิกายน 2567
แชร์ข้อมูล
น้องชายไม่ฟิต ไอเทมฮิตอย่างไวอากร้า

“น้องชายไม่ฟิต ไอเทมฮิตอย่าง “ไวอากร้า” คือคำตอบเดียวจริงหรือ?”

“ไวอากร้า” เป็นไอเทมฮิตในหมู่ผู้ชายที่มีอาการ “นกเขาไม่ขัน” เพราะเชื่อกันว่าเป็นยาที่ช่วยกระตุ้นให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ และยังมีการเข้าใจผิดกันไปอีกมากว่า เป็นยาที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศสูงกว่าปกติ และทำให้ถึงจุดสุดยอดได้ดีกว่าเดิม ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เติมความเป็นชายให้กับจิตใจผู้ชายทุกคน

ความจริงเกี่ยวกับ ภาวะ “นกเขาไม่ขัน” และ “ไวอากร้า”

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “นกเขาไม่ขัน” หรือทางการแพทย์เรียกว่า Erectile Dysfunction (ED) คือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั่นเอง อาการก็เช่น อวัยวะเพศไม่แข็งตัว แข็งได้ไม่สุด ล่มปากอ่าว ทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์อย่างเป็นที่น่าพึงพอใจได้

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศนี้จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่แค่จะเอามาล้อกันเล่นๆ เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และน่ากลัวมากว่า 1 ใน 2 ของผู้ชายจะต้องประสบกับภาวะนี้ไม่มากก็น้อย ลองคิดดูสิครับว่า มีเพศสัมพันธ์แล้วไม่เสร็จ ความมั่นใจจะหายไปแค่ไหน เมื่อหมดความมั่นใจจะทำอะไรก็ห่อเหี่ยวไปหมดครับ

ผมอยากจะพูดถึง “ไวอากร้า” ที่มักจะเป็นตัวเลือกแรกที่ผู้ชายเลือกใช้รักษาอาการนกเขาไม่ขัน กระบวนการทำงานของมันก็คือ เมื่อกินยาไวอากร้าเข้าไป ตัวยาจะไปทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายขยายตัว ส่งผลให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้นานขึ้น ซึ่งถือว่าไวอากร้าสามารถช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ แต่ยังไม่มีตำราไหนบอกว่า ไวอากร้าสามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวเลือกแรกในการใช้เป็นยารักษาภาวะนกเขาไม่ขัน ก็ยังมีงานวิจัยพบว่า 30% ของชายที่ใช้ยาไวอากร้า มีอาการไม่ตอบสนองต่อยา

แล้วไวอากร้า คือ คำตอบเดียวจริงหรือ?
ก็ต้องขอตอบว่า “ไม่ใช่” สิครับ

ในปัจจุบันมีการศึกษาผู้ที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และไม่ตอบสนองกับฤทธิ์ของไวอากร้า โดยมีการให้ฮอร์โมนทดแทนควบคู่ไปกับการใช้ยาซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ซึ่งเป็นชื่อสามัญทางยาของไวอากร้า โดยมีการสุ่มตัวอย่างชายที่มีภาวะนกเขาไม่ขันจำนวน 75 คน ซึ่งเมื่อมีการตรวจคัดกรองแล้วต้องเป็นผู้ที่มีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนรวม 400ng/dl หรือน้อยกว่า และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาซิลเดนาฟิลเพียงอย่างเดียว ให้รับยาฮอร์โมนเพศชายทดแทนแบบเจล 1% (T-gel) ทุกวันเป็นยาเสริมกับยาซิลเดนาฟิลขนาด 100 มก. เป็นเวลา 12 สัปดาห์

การศึกษานี้พบว่า การใช้ฮอร์โมนเพศชายทดแทนแบบเจล 1% (T-gel) ทางผิวหนังร่วมกับยาซิลเดนาฟิลช่วยปรับปรุงสมรรถภาพในการประกอบกิจกรรมทางเพศในชายที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และไม่ตอบสนองต่อยาซิลเดนาฟิล ได้เป็นอย่างดี และปรับปรุงการทำงานของอวัยวะเพศ ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี อาการนกเขาไม่ขันนี้อาจทำให้ผู้ชายหลายคนเกิดอาการอาย ไม่กล้าปรึกษาแพทย์ แต่ผมอยากแนะนำว่าอย่าอายไปเลยครับ เรื่องแบบนี้มันเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก “ฮอร์โมนเปลี่ยน ร่างกายเปลี่ยน” เพราะฉะนั้นการบำบัดและรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผ่านการตรวจคัดกรอง และตรวจร่างกายก่อนเริ่มทำการรักษาและเลือกใช้ยาใดๆก็ตาม

อ้างอิง

R.shabsigh,J.M. Kaufman, C. Steidel, H. Padma-Nathan. (2004). Randomized study of testosterone gel as adjunctive therapy to sildenafil in Hypogonadal men with Erectile Dysfunction who do not respond to sildenafil alone. The Journal of Urology, Vol. 172, 658-663.

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=186

https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=187 

ผู้เขียน

พ.อ.(พิเศษ) ยุทธสาร   โกศลยุทธสาร

หน่วยศัลยกรรมระบบปัสสาวะ กองศัลยกรรม

โรงพยาบาลอานันทมหิดล

pastedGraphic.png

บทความที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจ