14 ข้อควรรู้ เมื่อผู้ชายเข้าสู่วัยทอง นกเขานั้น สำคัญไฉน
เมื่อผู้ชายเข้าสู่ช่วง สว. (สูงวัย) ร่างกายก็จะเริ่มร่วงโรย นกเขาที่เคยขันเคารพธงชาติทุกเช้ากลับไม่ขันเหมือนเดิม หลายคนมักคิดว่า นี่แหละคงจะเป็น สัญญาณที่บอกให้ปลง เข้าวัด แสวงหาธรรมะชำระจิตใจ ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องซะทีเดียวนะครับ
อาการนกเขาไม่ขัน จริงๆแล้วเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีบางอย่างในร่างกายที่ผิดปกติไป (ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ) และบางครั้ง มันอาจเป็นสัญญาณแรกที่นำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองได้
บางทีอาการนกเขาไม่ขัน อาจเกิดจากการที่เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเกิดอาการเสื่อมก็ได้ การแพทย์ในปัจจุบันมีการยืนยันว่า ความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ มักจะเริ่มกับเส้นเลือด เมื่อเส้นเลือดตรงไหนเสื่อม อาการผิดปกติกับอวัยวะนั้นๆก็เกิดตามมา เช่น ถ้าเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจเสื่อม ก็อาจทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
เมื่อพิจารณาขนาดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ จะพบว่าหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศ มีขนาดเล็กกว่าหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจแค่นิดเดียว นั่นหมายความว่า อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับนกเขา ก็สามารถเกิดกับหัวใจของเราได้เช่นเดียวกัน
จากการศึกษาทั่วโลกพบว่า หากมีการติดตามอาการหลังจาก แรกเริ่มมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมาเป็นเวลา 1-5 ปี ชายเหล่านั้นจะเริ่มป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และ สมองซึ่งมีโอกาสพิการหรือเสียชีวิตได้
ความสำคัญของอาการนกเขาไม่ขัน จึงไม่ได้อยู่แค่การรักษาให้เค้ากลับมาแข็ง แต่เป็นการค้นหา รักษา และป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากโรคร้ายที่เป็นสาเหตุต่างหากครับ
คำว่า แก่ นั้นไม่ได้วัดกันที่อายุนะครับ คนเราถ้ายังแข็งแรงจริง ก็ควรจะเตะปี๊บดังไม่ว่าจะอายุเท่าไร ซึ่งเมื่อไรที่นกเขาเราเริ่มไม่ขันแล้ว นั่นแปลว่าความเสื่อมมาเยือนเราแล้ว .. เราเริ่มแก่แล้วนะครับ ถ้าดูแลตัวเองไม่ดีอาจนำไปสู่ความเจ็บป่วยได้ครับ
ความเสื่อมทางกาย กับ ความเสื่อมทางเพศ เป็นเรื่องเดียวกัน โดยสาเหตุของความเสื่อม หลักๆ ก็มาจาก บุหรี่, ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ความอ้วน และฮอร์โมนเพศชายที่ต่ำลง ซึ่งการป้องกันความเสื่อมก็ต้องเริ่มจากการ ลด ละ เลิก ปัจจัยเสื่อมเหล่านี้
การหยุดสูบบุหรี่ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย รวมทั้งการพบแพทย์เพื่อรักษาโรคประจำตัว เป็นเรื่องที่เราควรทำเพราะมันได้ผลจริงในการชะลอความเสื่อมที่เกิดกับร่างกายของเราครับ แต่มีอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ ที่เรามักมองข้ามไป คือ ภาวะฮอร์โมนเพศชายที่ต่ำลง
ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) เป็นฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากอัณฑะ หลายคนคิดว่าเกี่ยวกับเรื่องสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น ในความเป็นจริง นอกจากฮอร์โมนเพศชายเกี่ยวข้องกับการควบคุมการแสดงออกทางเพศโดยตรง ฮอร์โมนเพศยังควบคุมเรื่องความรู้สึกนึกคิด ความจำ กล้ามเนื้อ กระดูก และการสร้างเม็ดเลือดของเราด้วย
เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายสร้างฮอร์โมนเพศชายได้ลดลง และเมื่อถึงจุดหนึ่ง นอกจากสมรรถภาพทางเพศที่เสื่อมลง เราก็อาจมีอาการหลงลืม หงุดหงิดง่าย หัวตื้อ สมองไม่แล่น ห่อเหี่ยว หมดเรี่ยวแรง ซึมเศร้า อ่อนเพลียง่าย อ้วนลงพุง กระดูกพรุน ซึ่งหลายๆ คนเรียกว่าอาการชายวัยทอง
หากเราเป็นผู้หนึ่งที่มีสมรรถภาพทางเพศที่เปลี่ยนไป รวมทั้งมีอาการวัยทอง เราสามารถตรวจเลือดเช็คดูได้นะครับ ว่าระดับฮอร์โมนของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำหรือไม่ เพราะถ้ามีภาวะฮอร์โมนเพศต่ำจริง การให้ฮอร์โมนทดแทนอาจช่วยคืนสมรรถภาพทางเพศ และบรรเทาอาการต่างๆ นั้นได้ รวมถึงอาจทำให้สามารถควบคุมโรคประจำตัวอื่นๆ และรูปร่างของเราให้ดีขึ้นด้วยครับ
ฮอร์โมนเพศชายทดแทนปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่า ”ปลอดภัย” หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งในปัจจุบัน มีในรูปแบบของเจลทาหน้าท้อง ซึ่งออกฤทธิ์ได้ดีใกล้เคียงฮอร์โมนเพศชายจากธรรมชาติ ไม่ต้องฉีดให้เจ็บตัว และผลข้างเคียงต่ออวัยวะภายในต่ำ แต่ต้องขยันทาทุกวัน ซึ่งก็เป็นทางเลือกในการรักษาที่ดีทางหนึ่ง สำหรับผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายต่ำครับ
ย้ำอีกทีก่อนจบ ว่าเมื่อนกเขาไม่ขันแล้ว ไม่ใช่มุ่งหน้าเข้าวัดแค่นั้นจบ!! ควรรีบไปพบแพทย์ ดูแลรักษาร่างกายของเราให้ดี ตรวจเช็คร่างกายทุกๆ อย่าง รวมทั้งฮอร์โมนเพศชายของเราด้วย บางอย่างไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เสื่อมลงไปทั้งที่แก้ไขได้ และการรักษาอาจทำให้เราสามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข และมีคุณภาพไปอีกนานครับ
ผู้เขียน :
นพ. ศุภณัฐ ศิริกุลชยานนท์
ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ
รพ. สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา